เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 28 เมษายน 2559 พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าในเหตุทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 3 ราย ได้แก่ นายลูอิส โอเว่น อายุ 68 ปี ได้รับบาดเจ็บที่หน้าผากเป็นแผลแตก, นางโรสแมรี่ เฮ โอเว่น อายุ 68 ปี ภรรยา เป็นแผลฟกช้ำที่ใบหน้าและศีรษะ และนายลูอิส จอน โอเว่น อายุ 43 ปี ลูกชายได้รับบาดเจ็บเป็นแผลแตกที่ศีรษะ เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.30 น.บริเวณปากซอยบิณฑบาต หน้าวัดหัวหิน เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมานั้น

โดยหลังเกิดเหตุได้สอบสวนขยายผล โดยมีหลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุ ก่อนนำไปสู่การติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ก่อน 2 ราย เมื่อวัน17 เมษายน ได้แก่ นายสุภัททา หรือ หม่อง ใบทอง อายุ 32 ปี, นายยิ่งใหญ่ หรือ เอ็ม แสงคำอินทร์ อายุ 32 ปี และล่าสุดสามารถจับกุมเพิ่มเติมได้อีก 1 คนแล้ว ชื่อนายศิวะ หรือเหน่ง นกศรี อายุ 20 ปี โดยพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3รายฝากขังที่ศาลจังหวัดหัวหินแล้ว โดยทราบว่านายสุภัททา มีญาตมาประกันตัวไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือถูกส่งไปขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 1 ราย ล่าสุดทราบชื่อที่อยู่แล้วและได้ขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับแล้ว เช่นกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพื่อขอขยายผลติดตามจับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 1 รายก่อน โดยได้ออกหมายจับแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวในเร็ววันนี้
ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การรับสารภาพว่า เหตุของการทะเลาะวิวาท เริ่มมาจากการที่ นายลูอิส จอน โอเว่น ได้เดินไปชนแขน นายสุภัททา ผู้ต้องหา ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอาการมึนเมาจนเซถลา ทำให้ นายสุภัททาไม่พอใจ จึงผลักหน้าอกนายลูอิส จอน จนล้มคว่ำไป เมื่อนายลูอิสกับนางโรสแมรี่ เห็นเหตุการณ์ จึงตรงเข้าช่วยเหลือ ขวางไม่ให้ทำร้ายลูกชาย แต่นายสุภัททาไม่ฟังเสียง กลับเรียกพวกรวม 4 คน มารุมทำร้ายชกต่อยนักท่องเที่ยวทั้ง 3 คน จนได้รับบาดเจ็บ ล้มลงไปนอนกับพื้น ก่อนที่ทั้งหมดจะวิ่งหลบหนีไป จะมีคนช่วยกันนำตัวนักท่องเที่ยวส่งโรงพยาบาลหัวหินเป็นการด่วน
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษทั้ง 3 คน ตัวลูกชาย นายลูอิส จอน โอเว่น เดินทางกลับต่างประเทศไปแล้ว ส่วน นายลูอิส โอเว่น อายุ 68 ปี และนางโรสแมรี่ เฮ โอเว่น อายุ 68 ปี ภรรยา มีกำหนดการเดินทางกลับประเทศอังกฤษในวันที่ 3 พฤษภาคม นี้ ซึ่งนางโรสแมรี่ เฮ โอเว่น ยังมีอาการปวดศีรษะอยู่ และยังต้องให้แพทย์ตรวจรักษาอากาศบาดเจ็บต่อ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปสอบปากคำไว้ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางกลับต่างประเทศแล้ว
นายศักดิ์ชัย คำสำลี อายุ 39ปี เจ้าของธุรกิจให้เช่ารถจักรยานยนต์ ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเล่าว่า ในวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ โดยปีนี้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ซอยบิณฑบาตรนับหมื่นราย ซึ่งมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุ ตนได้ปิดร้านให้เช่ารถจักรยานยนต์แล้ว แต่ยังยืนดูนักท่องเที่ยวอยู่หน้าร้าน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุไม่เกิน 10 เมตร เหตุว่านักท่องเที่ยวเดินออกมาซอยด้านใน ก่อนที่จะมีคนไทยเข้าไปขอปะแป้ง แต่นักท่องเที่ยวปฏิเสธ และเดินออกมาได้อีกเล็กน้อย ก็เห็นว่ามีชนกัน ซึ่งคนเยอะมากการชนกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่พบว่า อยู่ดีๆก็ต่อยกัน และตะลุมบอลกันอยู่สักครู่ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะลงไปกองกับพื้นถนน ส่วนคนก่อเหตุก็วิ่งหนีไป ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างยิ่ง ซึ่งเฉพาะที่ร้านตน ปกติจะให้เช่ารถได้วันละไม่ต่ำกว่า 10 คัน แต่ยอดตกฮวบ เหลือเพียงแค่ 1 คันเท่านั้นในวันนี้

ที่มา: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1461853770
Share this
EmoticonEmoticon